Market Risk Premium คืออะไร หาได้จากไหน วิธีคำนวณ สูตรชดเชยความเสี่ยง

Market Risk Premium คืออะไร

Market Risk Premium (MRP) หมายถึง ค่าตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุนในตลาดทุน โดยเปรียบเทียบกับการลงทุนในทรัพย์สินที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า เช่น การลงทุนในสัญญาเงินฝากหรือการซื้อพันธบัตรรัฐบาลที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าการลงทุนในหุ้นหรือตราสารทุนอื่น ๆ ที่มีความเสี่ยงสูงกว่าในตลาดทุนMRP เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการประเมินความเสี่ยงของการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ และมักถูกนำมาใช้ในการปรับค่าอัตราผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุนในพอร์ตโฟลิโอ (Portfolio) โดยพิจารณาถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในตลาดทุน

MRP ถูกนำมาใช้ในการประมาณการอัตราผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับเมื่อลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ โดยการคำนวณจากผลตอบแทนของตลาดทุน (อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์) ลบด้วยอัตราผลตอบแทนของทรัพย์สินที่ไม่มีความเสี่ยง (เช่น อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาล) ซึ่งเรียกว่าอัตราผลตอบแทนที่ไม่มีความเสี่ยงหรือ “Risk-Free Rate”

Market Risk Premium หาได้จากไหน

Market Risk Premium (MRP) หาได้จากการวิเคราะห์และประเมินอัตราผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งสามารถทำได้โดยใช้ข้อมูลต่อไปนี้

Expected Market Return

อัตราผลตอบแทนของตลาดหลักทรัพย์ (Expected Market Return) หมายถึง อัตราผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ในระยะยาว ซึ่งสามารถคำนวณหรือประมาณค่าได้หลายวิธีตามแนวคิดและโมเดลทางการเงินที่ใช้ โดยวิธีการประมาณค่า Expected Market Return อาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละสถานการณ์ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการใช้ข้อมูลที่สอดคล้องและเหมาะสมกับบริบทปัจจุบันของตลาดหลักทรัพย์และเศรษฐกิจ. นี่คือสามวิธีที่ส่วนใหญ่นิยมใช้ในการประมาณค่า Expected Market Return:

Expected Market Return
Expected Market Return
    • ประวัติศาสตร์ของตลาดหลักทรัพย์: การวิเคราะห์ประวัติศาสตร์อาจจะนำมาใช้เพื่อหาค่าเฉลี่ยของผลตอบแทนของตลาดหลักทรัพย์ในระยะยาว โดยการนับรวมผลตอบแทนของตลาดในช่วงเวลาที่กำหนด และหาค่าเฉลี่ยของมัน เพื่อใช้เป็นตัวบ่งชี้ของ Expected Market Return.
    • โมเดลทางการเงิน: มีหลายโมเดลทางการเงินที่นิยมใช้เพื่อประมาณค่า Expected Market Return อาทิเช่น โมเดล CAPM (Capital Asset Pricing Model) ที่ใช้ความสัมพันธ์ระหว่างผลตอบแทนของหลักทรัพย์แต่ละตัวกับผลตอบแทนของตลาดทั้งหมด หรือโมเดล Multi-Factor Models ที่ใช้ปัจจัยหลายอย่างเพื่อคำนวณ Expected Market Return.
    • พยากรณ์โดยวิเคราะห์แนวโน้ม: การวิเคราะห์แนวโน้มของตลาดหลักทรัพย์โดยพิจารณาจากเหตุการณ์ปัจจุบันและแนวโน้มเศรษฐกิจสามารถใช้เพื่อประมาณค่า Expected Market Return ด้วยการสร้างสมมุติฐานและการนำเสนอผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ.

Risk-Free Rate

อัตราผลตอบแทนที่ไม่มีความเสี่ยง (Risk-Free Rate) หมายถึงอัตราผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุนในทรัพย์สินที่ถือเป็นทรัพย์สินที่ปลอดภัยจากความเสี่ยงสูง ซึ่งความปลอดภัยที่สูงนี้เกิดจากเหตุผลต่าง ๆ เช่น การเป็นการรับรองจากรัฐบาลหรือองค์กรที่เสมือนรัฐบาล และเป็นทรัพย์สินที่มีความเสี่ยงในการสูญเสียต่ำหรือไม่มีเลย โดยตัวอย่างของทรัพย์สินที่ถือเป็น Risk-Free Rate ได้แก่

    • พันธบัตรรัฐบาล: พันธบัตรที่ออกโดยรัฐบาลเช่น พันธบัตรของสหรัฐฯ ที่ถือเป็นทรัพย์สินที่เสี่ยงต่ำมากหรือไม่มีความเสี่ยงเลย เนื่องจากมีการรับรองความถูกต้องและการชำระเงินจากรัฐบาล.
    • อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก: เงินฝากในธนาคารหรือสถาบันการเงินที่มีการรับประกันความเสี่ยงต่ำ มักจะมีอัตราผลตอบแทนที่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับการลงทุนในทรัพย์สินที่มีความเสี่ยงมากขึ้น.
    • อัตราผลตอบแทนที่ปรับให้เป็นศูนย์ (Zero-Coupon Bonds): พันธบัตรที่ไม่มีดอกเบี้ยแต่มีราคาถูกลง ผู้ถือครอบครองพันธบัตรเหล่านี้จะได้รับเงินคืนในวันครบกำหนดเมื่อตลาดมาถึงวันครบกำหนด ทำให้เป็นทรัพย์สินที่ปลอดภัยจากความเสี่ยง.

วิธีคำนวณ Market Risk Premium

วิธีคำนวณ Market Risk Premium (MRP) คือการหาค่าผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนในทรัพย์สินที่ไม่มีความเสี่ยง (Risk-Free Rate) ดังนี้:

วิธีคำนวณ Market Risk Premium
วิธีคำนวณ Market Risk Premium

เมื่อทราบค่า Expected Market Return และ Risk-Free Rate สามารถนำมาคำนวณหาค่า MRP ได้ทันที โดยการคำนวณ MRP อาจมีวิธีที่แตกต่างกันออกไปตามวิธีการประมาณค่า Expected Market Return และ Risk-Free Rate ที่ถูกใช้ โดยตัวอย่างของวิธีคำนวณ MRP ด้วยวิธีการทั่วไป ดังนี้

  1. คำนวณ Expected Market Return: มีหลายวิธีที่สามารถคำนวณ Expected Market Return ได้ เช่น ใช้ประวัติศาสตร์ของตลาดหลักทรัพย์ในระยะเวลาที่กำหนด หรือใช้แนวโน้มของตลาด (เช่น ผลตอบแทนเฉลี่ยในระยะยาว).
  2. เลือกหรือคำนวณ Risk-Free Rate: Risk-Free Rate อาจมาจากอัตราผลตอบแทนของทรัพย์สินที่ถือว่าปลอดภัยจากความเสี่ยง โดยพบบ่อย ๆ ว่าเป็นอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลหรือการคูณอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลด้วยค่าตัวแปรประสบการณ์เสี่ยงเช่นค่า Beta.
  3. คำนวณ Market Risk Premium: นำค่า Expected Market Return ที่คำนวณหรือเลือกได้ ลบด้วยค่า Risk-Free Rate ที่คำนวณหรือเลือกได้เพื่อหาค่า MRP

ตัวอย่าง 1

เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น นี่คือตัวอย่างการคำนวณ Market Risk Premium ด้วยข้อมูลที่เหมาะสม:

    1. คำนวณ Expected Market Return: สมมุติว่าคุณต้องการคำนวณ Expected Market Return และได้รับข้อมูลว่าอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในปีที่แล้วคือ 10%.
    2. เลือกหรือคำนวณ Risk-Free Rate: สมมุติให้คุณใช้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลที่มีความเสี่ยงต่ำเป็น 3%.
    3. คำนวณ Market Risk Premium: นำค่า Expected Market Return ลบด้วยค่า Risk-Free Rate ดังนี้:

MRP=Expected Market ReturnRisk-Free Rate

MRP=10%3%=7%

ตัวอย่างนี้ MRP หรือ Market Risk Premium คือ 7% ซึ่งหมายถึงผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนในทรัพย์สินที่มีความเสี่ยงต่ำเช่น พันธบัตรรัฐบาลที่ถือว่าปลอดภัย

ตัวอย่าง 2

    • Expected Market Return (อัตราผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์): 12%
    • อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลที่ถือว่าปลอดภัย (Risk-Free Rate): 4%

ดังนั้นในตัวอย่างนี้ Market Risk Premium คือ 8% ซึ่งหมายถึงผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลที่ถือว่าปลอดภัย.

สูตรชดเชยความเสี่ยง

สูตรชดเชยความเสี่ยง (Risk Compensation Formula) เป็นสูตรทางการเงินที่ใช้ในการประเมินค่าตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น โดยพิจารณาถึงความเสี่ยงเพิ่มขึ้นนั้น สูตรชดเชยความเสี่ยงจะใช้เพื่อปรับค่าผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุน ในกรณีที่ลงทุนในทรัพย์สินที่มีความเสี่ยงสูงกว่าทรัพย์สินปลอดภัย ตัวอย่างสูตรชดเชยความเสี่ยงดังนี้

สูตรชดเชยความเสี่ยง
สูตรชดเชยความเสี่ยง

Compensated Return=Risk-Free Rate+Risk Premium

  • Compensated Return: คือผลตอบแทนที่จะได้รับจากการลงทุนในทรัพย์สินที่มีความเสี่ยงสูง.
  • Risk-Free Rate: อัตราผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุนในทรัพย์สินที่ปลอดภัยจากความเสี่ยง เช่น อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลที่ถือว่าปลอดภัย.
  • Risk Premium: ส่วนที่เพิ่มเติมของผลตอบแทนที่จะต้องจ่ายเพื่อชดเชยความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ในกรณีที่ลงทุนในทรัพย์สินที่มีความเสี่ยงสูง.

ตัวอย่างการคำนวณสูตรชดเชยความเสี่ยง

  • Risk-Free Rate (อัตราผลตอบแทนของทรัพย์สินปลอดภัย): 5%
  • Expected Risk Premium (ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุนในทรัพย์สินที่มีความเสี่ยงสูง): 8%

Compensated Return=Risk-Free Rate+Risk Premium

Compensated Return=5%+8%=13%

ดังนั้นในตัวอย่างนี้ สูตรชดเชยความเสี่ยงคือ 13% ซึ่งหมายถึงผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุนในทรัพย์สินที่มีความเสี่ยงสูงเมื่อเปรียบเทียบกับทรัพย์สินที่ปลอดภัย.

การประยุกต์ใช้ในการลงทุน Market Risk Premium

แนวคิดของ Market Risk Premium (MRP) เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการประเมินความเสี่ยงและค่าตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ โดยพิจารณาถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในทรัพย์สินที่มีความเสี่ยงสูงกว่า และค่าตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับเมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนในทรัพย์สินที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า (ปลอดภัย) การประยุกต์ใช้ Market Risk Premium ในการลงทุนมีหลายวิธี ดังนี้

การประยุกต์ใช้ในการลงทุน Market Risk Premium
การประยุกต์ใช้ในการลงทุน Market Risk Premium
  1. การประเมินความเสี่ยงของการลงทุน: การใช้ MRP ช่วยในการประเมินความเสี่ยงของการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ การลงทุนในทรัพย์สินที่มีความเสี่ยงสูงกว่าควรได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าทรัพย์สินที่มีความเสี่ยงต่ำ การใช้ MRP เป็นตัวชี้วัดที่ช่วยประเมินว่าค่าตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับนั้นสอดคล้องกับระดับความเสี่ยงของการลงทุนหรือไม่.
  2. การเลือกทรัพย์สิน: ผู้ลงทุนสามารถใช้ MRP เพื่อช่วยในการตัดสินใจเลือกทรัพย์สินที่จะลงทุน ถ้าค่า MRP สูง ๆ นั่นหมายความว่าตลาดกำลังประเมินค่าผลตอบแทนที่สูงเมื่อเปรียบเทียบกับทรัพย์สินปลอดภัย แต่ถ้าค่า MRP ต่ำ ๆ นั่นหมายความว่าตลาดกำลังประเมินค่าผลตอบแทนที่ต่ำกว่า.
  3. การปรับค่าอัตราผลตอบแทน: ผู้วางแผนการลงทุนหรือผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอสามารถใช้ MRP เพื่อปรับค่าอัตราผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุนในพอร์ตโฟลิโอ โดยเพิ่มหรือลดค่าอัตราผลตอบแทนเทียบกับอัตราผลตอบแทนที่ปลอดภัยตามสถานการณ์ความเสี่ยงของตลาด.
  4. การวางแผนการเก็งกำไรหรือขาดทุน: MRP สามารถช่วยในการวางแผนการเก็งกำไรหรือขาดทุนในการลงทุน ผู้ลงทุนอาจตัดสินใจเมื่อ MRP มีค่าสูงหรือต่ำ โดยเข้าใจว่าค่าตอบแทนที่เสี่ยงต่อความเสี่ยงมีความสัมพันธ์กับค่า MRP