Liquidity Risk Premium คืออะไร อธิบายวิธีคำนวณ ยกตัวอย่าง หาได้จากที่ไหนบ้าง

Liquidity Risk Premium คืออะไร

Liquidity Risk Premium คือค่าเพิ่มที่ผู้ลงทุนต้องการรับเพื่อความเสี่ยงที่เกี่ยวกับการลำดับความเสี่ยงทางการเงินหรือการลงทุนที่มีความไม่แน่นอนเกี่ยวข้องกับความสามารถในการแปรผันของสินทรัพย์หรือตลาดที่ซื้อหรือขายได้ในระยะเวลาสั้น ๆ โดยธรรมชาติของการลงทุนที่มีความไม่เสถียรและความไม่แน่นอนในการทำธุรกรรมในระยะเวลาที่ต้องการจะทำให้มีความจำเป็นต้องดำเนินการขายสินทรัพย์หรือลงทุนในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าทางเงินลงไปเพื่อขายที่เร็วกว่าหรือเพื่อเพิ่มความเป็นเงินสดในสถานการณ์ที่ตลาดไม่เสถียร ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดค่าเสียหายในการลงทุน

Liquidity Risk Premium สามารถอธิบายได้ว่าเป็นการรับผลตอบแทนเพิ่มเติมที่ผู้ลงทุนต้องการจากการลงทุนที่มีความเสี่ยงทางการเงินที่สูงขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนที่มีความเสี่ยงทางการเงินน้อยลง ซึ่งเป็นผลมาจากความพร้อมของตลาดในการซื้อขายสินทรัพย์หรือการแลกเปลี่ยนเงินสดในเวลาที่รวดเร็วและมีความสามารถในการดำเนินการที่มีความเสี่ยงน้อย หรือความตั้งใจที่จะรับมูลค่าทางเงินที่ต่ำกว่ามูลค่าตลาดเมื่อจำเป็น การประเมินค่า Liquidity Risk Premium สามารถมีผลต่อการกำหนดราคาของสินทรัพย์หรือตลาดในสถานการณ์ที่ความเสี่ยงทางการเงินมีความสำคัญมาก

วิธีคำนวณ Liquidity Risk Premium

วิธีคำนวณ Liquidity Risk Premium อาจมีหลายวิธีตามบริบทและสถานการณ์ที่เกี่ยวข้อง แต่อย่างรวดเร็วสามารถใช้ความแตกต่างระหว่างผลตอบแทนที่คาดหวังจากการลงทุนที่มีความเสี่ยงทางการเงินและผลตอบแทนที่คาดหวังจากการลงทุนที่มีความเสี่ยงทางการเงินต่ำกว่าเป็นตัวบ่งชี้ของ Liquidity Risk Premium ได้ นั่นคือ:

Liquidity Risk Premium = Expected Return (High Liquidity Investment) – Expected Return (Low Liquidity Investment)

  • Expected Return (High Liquidity Investment): ผลตอบแทนที่คาดหวังจากการลงทุนที่มีความเสี่ยงทางการเงินที่สูงและมีความเสถียรในการซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนเงินสดในเวลาที่รวดเร็ว
  • Expected Return (Low Liquidity Investment): ผลตอบแทนที่คาดหวังจากการลงทุนที่มีความเสี่ยงทางการเงินน้อยลงและอาจจะมีความยากที่จะแปรผันหรือขายได้ในเวลาที่รวดเร็ว

การคำนวณนี้จะช่วยให้ผู้ลงทุนเข้าใจค่าเพิ่มที่ต้องการรับเพื่อความเสี่ยงที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับการลงทุนที่มีความเสี่ยงทางการเงินน้อยลง และช่วยในการตัดสินใจว่าควรลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงทางการเงินสูงแต่มีค่าเพิ่มสูง หรือลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงทางการเงินน้อยแต่มีค่าเพิ่มต่ำกว่า ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และวัตถุประสงค์ของผู้ลงทุนเอง

ยกตัวอย่าง Liquidity Risk Premium

ตัวอย่างที่ 1

เพื่อให้คุณเข้าใจดีขึ้นเรื่องของ Liquidity Risk Premium สมมุติว่าคุณมีสองตัวเลือกการลงทุน

ยกตัวอย่าง Liquidity Risk Premium
ยกตัวอย่าง Liquidity Risk Premium
  • หุ้นของบริษัท ABC: หุ้นนี้มีความเสี่ยงทางการเงินที่สูงและมีความต้องการขายที่สูงเมื่อต้องการแลกเปลี่ยนเงินสด คาดหวังผลตอบแทนในระยะเวลาสั้น ๆ อาจมีความสูงกว่าเนื่องจากความเสี่ยงที่สูงของการลงทุนและความไม่แน่นอนในการซื้อขายหุ้นในระยะเวลาสั้น ๆ.
  • พันธบัตรรัฐบาล: พันธบัตรเหล่านี้เป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงทางการเงินน้อยลงและมีความสามารถในการขายหรือแลกเปลี่ยนเงินสดในระยะเวลาสั้น ๆ อาจมีผลตอบแทนที่ต่ำกว่าหุ้นของบริษัท ABC แต่มีความเสถียรและความสามารถในการทำธุรกรรมที่สูงกว่าในสถานการณ์ที่ตลาดไม่เสถียร.

ถ้าคาดว่าผลตอบแทนที่คาดหวังจากหุ้นของบริษัท ABC คือ 10% และผลตอบแทนที่คาดหวังจากพันธบัตรรัฐบาลคือ 5% ในกรณีนี้:

Liquidity Risk Premium = Expected Return (ABC Stock) – Expected Return (Government Bonds)

Liquidity Risk Premium = 10% – 5% = 5%

ตัวอย่างนี้ Liquidity Risk Premium คือ 5%, ซึ่งแสดงถึงความต้องการรับเพิ่มเติมของผู้ลงทุนเพื่อความเสี่ยงที่เกี่ยวกับการลงทุนในหุ้นที่มีความไม่แน่นอนและความต้องการขายที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลที่มีความเสี่ยงทางการเงินน้อยลง

ตัวอย่างที่ 2

สมมุติว่าคุณเป็นนักลงทุนและต้องการลงทุนเงิน 1,000,000 บาท และคุณมีสองตัวเลือกการลงทุน:

  • หุ้นของบริษัท ABC: คาดว่าจะมีผลตอบแทนที่คาดหวังเป็น 15% ในระยะเวลา 1 ปี แต่มีความเสี่ยงที่สูงและความไม่แน่นอนในการซื้อขายหุ้นในระยะเวลาสั้น ๆ.
  • พันธบัตรรัฐบาล: คาดว่าจะมีผลตอบแทนที่คาดหวังเป็น 5% ในระยะเวลา 1 ปี และมีความเสถียรและความสามารถในการแปรผันหรือขายที่สูงกว่าในสถานการณ์ที่ตลาดไม่เสถียร.

Liquidity Risk Premium = Expected Return (ABC Stock) – Expected Return (Government Bonds)

Liquidity Risk Premium = 15% – 5% = 10%

นั่นหมายความว่าคุณต้องการรับผลตอบแทนเพิ่มเติมอยู่ที่ 10% เพื่อความเสี่ยงที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งแสดงถึงความพร้อมของคุณที่จะรับความเสี่ยงเพื่อความเป็นไปได้ในผลตอบแทนที่สูงกว่าในระยะเวลาสั้น ๆ

Liquidity Risk Premium หาได้จากที่ไหนบ้าง

Liquidity Risk Premium สามารถหาได้จากหลายแหล่งข้อมูลและแหล่งข้อมูลทางการเงินต่าง ๆ ซึ่งอาจมีการคำนวณหรือประเมินค่าของมันในแต่ละบริบท ดังนี้:

ตลาดหลักทรัพย์

ตลาดหลักทรัพย์ประกอบด้วยข้อมูลตลาดและราคาของหลายสินทรัพย์ที่มีระดับความเสี่ยงทางการเงินต่าง ๆ ผ่านการซื้อขายและการลงทุน ผู้ลงทุนสามารถใช้ข้อมูลราคาเพื่อประเมิน Liquidity Risk Premium ของสินทรัพย์ต่าง ๆ โดยการเปรียบเทียบผลตอบแทนที่คาดหวังกับระดับความเสี่ยงทางการเงินของสินทรัพย์เหล่านั้น

ตลาดหลักทรัพย์สำคัญมีหลายตลาดที่มีการซื้อขายหลักทรัพย์ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นหลักทรัพย์ที่เรียกว่า “หุ้น” (Stocks) ของบริษัทที่เปิดขายหุ้นและได้รับเงินทุนจากผู้ลงทุน ผู้ลงทุนสามารถซื้อหุ้นเพื่อเป็นเจ้าของส่วนแบ่งของบริษัทและมีส่วนร่วมในกิจการของบริษัทนั้น ๆ หลักการของตลาดหลักทรัพย์คือการนำเสนอการค้าที่โปร่งใสและแพร่หลายให้แก่ผู้ลงทุนที่สนใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ โดยใช้เส้นทางการซื้อขายแบบเปิดเผย เป็นทางเลือกในการลงทุนหรือการรวบรวมเงินทุนสำหรับกิจการและโครงการต่าง ๆ

ข้อมูลสถาบันการเงิน

ข้อมูลสถาบันการเงินเป็นแหล่งข้อมูลที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อขายและลักษณะการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ต่าง ๆ รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงทางการเงิน เพื่อให้ผู้ลงทุนและผู้ที่สนใจสามารถประเมินสภาพตลาดและสินทรัพย์ต่าง ๆ ได้ นี่คือบางตัวอย่างของแหล่งข้อมูลสถาบันการเงินที่อาจจะมีข้อมูลเกี่ยวกับ Liquidity Risk Premium:

    1. Bloomberg: เป็นแหล่งข้อมูลการเงินที่มีข้อมูลเกี่ยวกับราคาหลักทรัพย์ตลาดต่าง ๆ รวมถึงความเคลื่อนไหวของตลาด ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับราคา, ปริมาณการซื้อขาย, และความสามารถในการขายของสินทรัพย์ต่าง ๆ ได้
    2. Thomson Reuters Eikon: เป็นระบบข้อมูลการเงินที่รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับตลาดหลักทรัพย์และสินทรัพย์ต่าง ๆ รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงทางการเงินและค่าเพิ่มที่เกี่ยวข้อง
      Thomson Reuters Eikon
      Thomson Reuters Eikon
    3. Morningstar: สำหรับการวิจัยเกี่ยวกับกองทุนรวมและสินทรัพย์ต่าง ๆ ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของกองทุนรวมและการประเมินความเสี่ยงทางการเงิน
    4. เว็บไซต์ของสถาบันการเงิน: บางสถาบันการเงินมีเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับราคา, การเคลื่อนไหวของตลาด, ข่าวสารทางการเงินและวิจัยเกี่ยวกับตลาดทางการเงิน
    5. รายงานการวิจัย: บางทีสถาบันการเงินหรือบริษัทที่ดำเนินงานด้านการวิจัยในสาขาการเงินและการลงทุนอาจจะมีรายงานการวิจัยเกี่ยวกับ Liquidity Risk Premium หรือแนวโน้มของตลาด

งานวิจัยและรายงาน

มีหลายที่ที่มีการทำงานวิจัยและรายงานทางการเงินที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ Liquidity Risk Premium สำหรับตลาดหลักทรัพย์และสินทรัพย์ต่าง ๆ ผู้ลงทุนสามารถค้นหาข้อมูลจากที่นี้เพื่อใช้ในการประเมินค่า Liquidity Risk Premium โดยการค้นหางานวิจัยและรายงานเกี่ยวกับ Liquidity Risk Premium สามารถทำได้ผ่านทางหลายแหล่งที่จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนี้

    • ห้องสมุดออนไลน์ของมหาวิทยาลัย: หากคุณเป็นนักศึกษาหรือมีสิทธิ์เข้าถึงห้องสมุดของมหาวิทยาลัย คุณสามารถเข้าถึงฐานข้อมูลวิจัยทางการเงินและบทความวิชาการจากหลายที่ ซึ่งอาจมีข้อมูลเกี่ยวกับ Liquidity Risk Premium และเรื่องที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ
    • เว็บไซต์ขององค์กรทางการเงิน: หลายองค์กรทางการเงินเผยแพร่รายงานวิจัยและบทความเกี่ยวกับกระแสเงินสด ความเสี่ยงทางการเงิน และ Liquidity Risk Premium ที่อาจเป็นที่น่าสนใจ คุณสามารถค้นหาบทความและรายงานจากธนาคารที่มีชื่อเสียงหรือบริษัทหลักทรัพย์ผ่านเว็บไซต์ของพวกเขาได้
    • ฐานข้อมูลวิจัยและการประเมินจากอินเทอร์เน็ต: มีฐานข้อมูลต่าง ๆ ที่เผยแพร่งานวิจัยและบทความทางการเงินที่สามารถเข้าถึงได้ฟรีบนอินเทอร์เน็ต เช่น Google Scholar, SSRN (Social Science Research Network) และ RePEc (Research Papers in Economics) ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลที่มีความหลากหลายของงานวิจัยทางการเงิน
    • บริษัทที่ให้บริการข้อมูลทางการเงิน: มีบริษัทที่เชี่ยวชาญในการส่งมอบข้อมูลทางการเงินและวิจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน อาจมีรายงานที่พูดถึง Liquidity Risk Premium และเรื่องที่เกี่ยวข้อง
    • การปรึกษาทางการเงิน: ผู้ประกอบการทางการเงินและที่ปรึกษาทางการเงินบางรายอาจมีความเชี่ยวชาญในเรื่อง Liquidity Risk Premium และสามารถให้คำแนะนำและข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้

โมเดลคำนวณ

บางครั้งอาจมีโมเดลคำนวณทางการเงินที่ใช้ในการประเมินค่า Liquidity Risk Premium โดยพิจารณาความแตกต่างของผลตอบแทนที่คาดหวังระหว่างสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงทางการเงินต่างๆ โดยการสร้างโมเดลคำนวณ Liquidity Risk Premium อาจมีหลายวิธี แต่เราสามารถสร้างโมเดลเบื้องต้นที่ใช้สูตรง่าย ๆ เพื่อประเมินค่า Liquidity Risk Premium ได้ดังนี้

    1. กำหนดส่วนต่างของผลตอบแทน: คำนวณผลตอบแทนที่คาดหวังจากสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงทางการเงินสูงและต่ำ และหักลบเพื่อหาส่วนต่าง
    2. กำหนดส่วนต่างของความเสี่ยง: ประเมินระดับความเสี่ยงทางการเงินของสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงทางการเงินสูงและต่ำ และหักลบเพื่อหาส่วนต่าง
    3. คำนวณ Liquidity Risk Premium: หาระยะห่างระหว่างส่วนต่างของผลตอบแทนและส่วนต่างของความเสี่ยง

นี่คือสูตรเบื้องต้นที่สามารถใช้ในการคำนวณ Liquidity Risk Premium:

สูตรเบื้องต้นที่สามารถใช้ในการคำนวณ Liquidity Risk Premium
สูตรเบื้องต้นที่สามารถใช้ในการคำนวณ Liquidity Risk Premium

Liquidity Risk Premium = (Expected Return High Liquidity – Expected Return Low Liquidity) – (Risk High Liquidity – Risk Low Liquidity)

    • Expected Return High Liquidity: ผลตอบแทนที่คาดหวังจากสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงทางการเงินสูง (เช่น หุ้นที่มีความเสี่ยงสูง)
    • Expected Return Low Liquidity: ผลตอบแทนที่คาดหวังจากสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงทางการเงินต่ำ (เช่น พันธบัตรที่มีความเสี่ยงต่ำ)
    • Risk High Liquidity: ระดับความเสี่ยงทางการเงินของสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงทางการเงินสูง
    • Risk Low Liquidity: ระดับความเสี่ยงทางการเงินของสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงทางการเงินต่ำ

ปัจจัยที่มีผลต่อ Liquidity Risk Premium

มีหลายปัจจัยที่มีผลต่อ Liquidity Risk Premium ซึ่งมีการแสดงถึงความแตกต่างในค่าเพิ่มที่ต้องการรับเพื่อความเสี่ยงทางการเงินที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงทางการเงินน้อยลง บางปัจจัยที่มีผลต่อ Liquidity Risk Premium ได้แก่:

ปัจจัยที่มีผลต่อ Liquidity Risk Premium
ปัจจัยที่มีผลต่อ Liquidity Risk Premium
  1. ความเสี่ยงทางการเงิน: สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงทางการเงินสูง (highly volatile) หรือสินทรัพย์ที่มีความยากที่จะประเมินค่าและขายได้ในตลาดที่เปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วอาจมี Liquidity Risk Premium ที่สูงกว่า เนื่องจากผู้ลงทุนต้องการค่าเพิ่มเพื่อความเสี่ยงที่มากขึ้นในการถือครองสินทรัพย์เหล่านั้น.
  2. ความน่าเชื่อถือของตลาด: ตลาดที่มีความเสถียรและความสามารถในการซื้อขายสินทรัพย์หรือแลกเปลี่ยนเงินสดในเวลาที่รวดเร็วมักจะมี Liquidity Risk Premium ที่ต่ำกว่า เนื่องจากผู้ลงทุนมีความมั่นใจในความสามารถของตลาดในการดำเนินการที่มีความเสี่ยงน้อย.
  3. ขนาดของตลาด: ตลาดที่มีขนาดใหญ่และมีปริมาณการซื้อขายสูงมักจะมีความเสถียรและความสามารถในการจัดการกับความต้องการของผู้ลงทุนในการแปรผันหรือขายสินทรัพย์ ทำให้ Liquidity Risk Premium ลดลง.
  4. ประเภทของสินทรัพย์: ประเภทของสินทรัพย์เช่นหุ้น, พันธบัตร, สัญญาอนุมัติเชิงเงิน, สินทรัพย์ที่มีค่าประเมินตลาด และสินทรัพย์ที่มีความเป็นเงินสด อาจมี Liquidity Risk Premium ที่แตกต่างกัน โดยสินทรัพย์ที่มีความต้องการขายหรือแปรผันสูงกว่าอาจมีค่าเพิ่มสูงกว่า.
  5. เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจ: เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบให้ตลาดเปลี่ยนแปลงรวดเร็วอาจทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น ทำให้ Liquidity Risk Premium เพิ่มขึ้นเช่นกัน.