Capital Market line คืออะไร
Capital Market Line (CML) คือแนวตั้งในแผนภูมิการจัดการลงทุนที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างราคาความเสี่ยง (Risk) และราคาผลตอบแทน (Return) จากการลงทุนในตลาดทุนหรือตลาดทางการเงิน โดยเฉพาะในการลงทุนในหลักทรัพย์ ซึ่งสามารถคำนวณได้ด้วยหลักการประเมินการเสี่ยงและผลตอบแทนในการลงทุนที่ต่างกันตามระดับความเสี่ยงที่สูงขึ้นและต่ำลง โดยบางครั้ง CML อาจถูกนำมาเปรียบเทียบกับ Security Market Line (SML) ซึ่งเป็นเส้นเอียงที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างราคาความเสี่ยงและราคาตอบแทนของหลักทรัพย์บางประเภท ซึ่งสามารถใช้ในการประเมินผลตอบแทนที่คาดหวังจากการลงทุนในหลักทรัพย์เหล่านี้ได้
CML ถูกสร้างขึ้นจากแนวตั้งที่ผ่านจุดปลายของ Risk-Free Asset (หรือ Treasury Bill ที่ไม่มีความเสี่ยง) และหลักทรัพย์รวมทั้งหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยง แนวตั้งนี้แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างผลตอบแทนที่คาดหวังและระดับความเสี่ยงของการลงทุน สำหรับลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น ผู้ลงทุนคาดหวังผลตอบแทนที่สูงขึ้นเทียบกับการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ และผู้ลงทุนจะต้องเผชิญกับความเสี่ยงในการแลกมาเพื่อความคาดหวังในผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วย
ข้อมูลเบื้องต้นของ Capital Market line
Capital Market Line (CML) เป็นหนึ่งในแนวคิดสำคัญในการวิเคราะห์และจัดการพอร์ตลงทุน โดยใช้หลักการสมดุลระหว่างการลงทุนที่มีความเสี่ยงและผลตอบแทน ต่อไปนี้คือข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับ Capital Market Line
Risk-Free Rate
อัตราดอกเบี้ยปลอดภัย (Risk-Free Rate) หมายถึงอัตราดอกเบี้ยที่ไม่มีความเสี่ยงในการลงทุนและถือเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ปลอดภัยสูงสุดในตลาดการเงิน ส่วนใหญ่จะอ้างอิงกับหนี้สหรัฐของประเทศต่าง ๆ เนื่องจากประเทศถือว่าเป็นภาวะเสียชีวิตหรือล่มสลายได้น้อยที่สุด เรียกว่าเป็น “risk-free” หรือปลอดภัยจากความเสี่ยงในทางการเงิน
อัตราดอกเบี้ยปลอดภัยมักถูกใช้ในการคำนวณหรือเป็นส่วนสำคัญในหลายๆ แบบแผนการเงิน เช่น ในการวิเคราะห์ค่าเงินปัจจุบัน (Present Value) หรือในการประเมินพอร์ตการลงทุนด้วยแนวคิดของ Capital Market Line (CML) และ Capital Asset Pricing Model (CAPM) เป็นต้น โดย อัตราดอกเบี้ยที่ไม่มีความเสี่ยงและเป็นเป้าหมายของการลงทุนประเภททรัพย์สินที่ปลอดภัย ยกตัวอย่าง สัญญาซื้อขายหนี้สหรัฐ (Treasury Bills) หรืออื่นๆ ที่มีความเสี่ยงต่ำมากหรือไม่มีเลย
Market Risk Premium
Market Risk Premium (MRP) หมายถึงผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนในตลาดทั้งหมด เมื่อเปรียบเทียบกับอัตราดอกเบี้ยปลอดภัย (Risk-Free Rate) หรืออัตราผลตอบแทนที่มีความเสี่ยงต่ำ (เช่น อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในหลักทรัพย์ประเภททรัพย์สินที่ไม่มีความเสี่ยง หรือเงินสมทบส่วนเอกชนที่มีความเสี่ยงต่ำ) นั่นคือ MRP กล่าวถึงเอกลักษณ์ของผลตอบแทนที่คาดหวังจากการลงทุนในตลาดทั้งหมด โดยรวมถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในตลาดทั้งหมดด้วย
สูตรที่ใช้ในการคำนวณ Market Risk Premium คือ
-
- คือผลตอบแทนคาดหวังจากการลงทุนในตลาดทั้งหมด (Market Return)
- คืออัตราดอกเบี้ยปลอดภัย (Risk-Free Rate)
เมื่อนำผลตอบแทนที่คาดหวังจากตลาดทั้งหมดลบอัตราดอกเบี้ยปลอดภัย ผลลัพธ์ที่ได้คือ Market Risk Premium ซึ่งแสดงถึงค่าพรีเมียมที่ผู้ลงทุนคาดหวังจะได้รับเมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนในทรัพย์สินปลอดภัยหรือไม่มีความเสี่ยง เป็นตัวแทนของการเรียนรู้ผลกำไรจากการรับราคาความเสี่ยงที่สูงขึ้นในการลงทุนในหลักทรัพย์หรือพอร์ตที่มีความเสี่ยงมากขึ้น ค่า MRP สามารถใช้ในการประเมินหรือเข้าใจผลตอบแทนที่คาดหวังจากการลงทุนในตลาดทั้งหมดในมุมมองที่มีความเสี่ยงด้วย
Risk Tolerance
ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (Risk Tolerance) เป็นคุณสมบัติหรือคุณลักษณะของผู้ลงทุนที่บ่งบอกถึงระดับความเสี่ยงที่พวกเขาพร้อมและยอมรับในการลงทุน เมื่อพูดถึงการลงทุน ความเสี่ยงแปลว่าความเป็นไปได้ที่ผลตอบแทนจะแตกต่างจากผลตอบแทนที่คาดหวังไปในทางที่ไม่คาดคิด ซึ่งอาจเป็นผลของสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในตลาดหรือสภาวะเศรษฐกิจที่มีผลกระทบต่อการลงทุน
ความเสี่ยงที่ยอมรับได้มีความหลากหลายและขึ้นอยู่กับบุคคล โดยผู้ลงทุนแต่ละคนอาจมีการตัดสินใจเกี่ยวกับความเสี่ยงที่ต่ออยู่ โดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ อาทิ เป้าหมายการลงทุน ระยะเวลาการลงทุน อุตสาหกรรมหรือกลุ่มทรัพย์สินที่สนใจ และสภาพเศรษฐกิจทั่วไป ความเสี่ยงที่ยอมรับได้มักถูกแบ่งออกเป็นระดับต่ำ กลาง และสูง ดังนั้นความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนพร้อมรับมีผลต่อพอร์ตลงทุนที่พวกเขาเลือกสร้างขึ้น
Capital Market Line Equation
สมการของ Capital Market Line (CML) ถูกเขียนเป็นสมการเพื่อแสดงความสัมพันธ์ระหว่างผลตอบแทนที่คาดหวังและความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน สมการนี้จะช่วยให้ผู้ลงทุนทราบว่าควรจะมีการแบ่งและลงทุนในพอร์ตต่าง ๆ อย่างไรเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ตรงกับระดับความเสี่ยงที่พวกเขาพร้อมจะยอมรับได้ สมการของ CML มีรูปแบบดังนี้
-
- คือผลตอบแทนที่คาดหวัง (Expected Return) จากการลงทุนในพอร์ตต่าง ๆ
- คืออัตราดอกเบี้ยปลอดภัย (Risk-Free Rate)
- คือผลตอบแทนคาดหวังจากการลงทุนในตลาดทั้งหมด (Market Return)
- คือความเบี่ยงเบนมาตรฐานของผลตอบแทนจากตลาดทั้งหมด (Market Standard Deviation)
- คือความเบี่ยงเบนมาตรฐานของพอร์ตการลงทุน (Portfolio Standard Deviation)
สมการนี้บ่งชี้ถึงวิธีการคำนวณผลตอบแทนที่คาดหวังจากการลงทุนในพอร์ตต่าง ๆ โดยพิจารณาผลตอบแทนจากตลาดทั้งหมด (Market Return) และอัตราดอกเบี้ยปลอดภัย (Risk-Free Rate) พร้อมกับระดับความเสี่ยงที่มีในพอร์ตการลงทุน ความสัมพันธ์ระหว่างผลตอบแทนและความเสี่ยงที่เป็นทางเลือกจะช่วยให้ผู้ลงทุนตัดสินใจเลือกพอร์ตที่เหมาะสมสำหรับสถานะการรับความเสี่ยงและเป้าหมายในการลงทุน
ตัวอย่างการใช้ Capital Market line
การคำนวณ Capital Market Line (CML) เน้นไปที่ความสัมพันธ์ระหว่างอัตราผลตอบแทนที่คาดหวังและระดับความเสี่ยงของการลงทุน โดยใช้หลักการของปัจจัยการเสี่ยงแบบโครงสร้างที่แนวตั้งไปตาม CML เพื่อเชื่อมโยงกับอัตราผลตอบแทนของหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า (Risk-Free Asset) และหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงกว่า (Riskier Assets) ที่คาดหวังได้จากตลาดทุน.
นี่คือตัวอย่างของการคำนวณ CML:
- หาค่า Risk-Free Rate: สมมติว่าอัตราผลตอบแทนของหลักทรัพย์ที่ไม่มีความเสี่ยง (Risk-Free Asset) เท่ากับ 3%.
- หาค่าระดับความเสี่ยง: หากเราคำนวณว่าพอร์ตการลงทุนของเรามีระดับความเสี่ยง (Standard Deviation) อยู่ที่ 10%.
- หาอัตราผลตอบแทนที่คาดหวัง: หากเราคาดหวังผลตอบแทนจากพอร์ตที่มีระดับความเสี่ยงนี้อยู่ที่ 8%.
- หา Capital Market Line (CML): ใช้สมการ CML ที่เชื่อมโยงระดับความเสี่ยงและผลตอบแทนCML Equation: E(R) = Rf + [(E(Rm) – Rf) / σ(Rm)] * σ(R)โดยที่:
- E(R) = ผลตอบแทนที่คาดหวังจากพอร์ต
- Rf = อัตราผลตอบแทนของหลักทรัพย์ที่ไม่มีความเสี่ยง (Risk-Free Rate)
- E(Rm) = ผลตอบแทนที่คาดหวังจากตลาดทั้งหมด (Market Return)
- σ(Rm) = ระดับความเสี่ยงของตลาดทั้งหมด (Market Standard Deviation)
- σ(R) = ระดับความเสี่ยงของพอร์ต
ในตัวอย่างนี้:
-
- E(R) = 3 + [(8 – 3) / 10] * 10 = 3 + 0.5 * 10 = 8%
- Rf = 3%
- E(Rm) = 8%
- σ(Rm) = 10%
- σ(R) = 10%
ดังนั้น CML ของเราจะมีลักษณะเป็นเส้นตรงที่เชื่อมโยงระดับความเสี่ยงและผลตอบแทน ซึ่งในกรณีนี้ CML ช่วยแสดงว่าหากเราต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่าผลตอบแทนของหลักทรัพย์ที่ไม่มีความเสี่ยง เราต้องเผชิญความเสี่ยงในการลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีระดับความเสี่ยงสูงกว่านี้ และเราสามารถใช้ CML เพื่อประมาณผลตอบแทนที่คาดหวังได้จากการลงทุนในระดับความเสี่ยงนั้นๆ โดยเทียบกับระดับความเสี่ยงของพอร์ตทั้งหมดในตลาด
Capital Market Line มีประโยชน์อย่างไร
CML เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการสร้างแผนการลงทุนที่มีความสมดุลระหว่างการเผชิญความเสี่ยงและผลตอบแทน ช่วยในการตัดสินใจว่าควรลงทุนในพอร์ตใดเพื่อให้ตรงกับวัตถุประสงค์และความยอมรับของนักลงทุน โดย Capital Market Line (CML) มีประโยชน์มากในการวางแผนการลงทุนและการจัดการพอร์ตการลงทุน ดังนี้
- การประมาณผลตอบแทนที่คาดหวัง: CML ช่วยให้นักลงทุนสามารถประมาณผลตอบแทนที่คาดหวังจากการลงทุนในพอร์ตต่าง ๆ ได้อย่างมีความมั่นใจ เนื่องจาก CML เชื่อมโยงระดับความเสี่ยงและผลตอบแทนในการลงทุน ช่วยให้คุณสามารถเปรียบเทียบค่าคาดหวังและระดับความเสี่ยงของพอร์ตต่าง ๆ และเลือกพอร์ตที่ตรงกับวัตถุประสงค์และความยอมรับของคุณ.
- การเลือกพอร์ตที่เหมาะสม: การจัดการพอร์ตการลงทุนต้องคำนึงถึงความสมดุลระหว่างการเผชิญความเสี่ยงและผลตอบแทน ด้วย CML คุณสามารถเลือกและปรับแต่งพอร์ตการลงทุนให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์การลงทุนของคุณ เช่น การลดระดับความเสี่ยงของพอร์ตเพื่อเพิ่มความมั่นใจหรือการเพิ่มราคาผลตอบแทนโดยยอมรับความเสี่ยงที่สูงขึ้น.
- การวางแผนการลงทุนระยะยาว: CML เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการวางแผนการลงทุนระยะยาว โดยช่วยให้คุณเข้าใจว่าการเผชิญความเสี่ยงเพื่อความรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ และช่วยกำหนดกำหนดเป้าหมายที่เหมาะสมสำหรับการลงทุนในระยะยาว.
- การปรับแผนการลงทุนและการจัดการความเสี่ยง: เมื่อตลาดทุนและเงื่อนไขเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลง เราอาจต้องปรับแผนการลงทุนและการจัดการพอร์ต เครื่องมือ CML ช่วยในการทำนายถึงความเปลี่ยนแปลงของผลตอบแทนที่คาดหวังจากการปรับเปลี่ยนระดับความเสี่ยงของพอร์ต ซึ่งอาจช่วยในการตัดสินใจเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุน.
- การวิเคราะห์ประสิทธิภาพการลงทุน: CML ช่วยในการวิเคราะห์ผลตอบแทนที่คาดหวังจากการลงทุนในเชิงประสิทธิภาพ เช่น การตรวจสอบว่าผลตอบแทนที่คาดหวังจากการลงทุนในพอร์ตเทียบกับผลตอบแทนจากตลาดทั้งหมดนั้นเป็นไปตามความคาดหวังหรือไม่.
- การวิเคราะห์การคาดหวังและความเสี่ยง: การใช้ CML ช่วยในการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างการคาดหวังผลตอบแทนและระดับความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนยอมรับได้ ซึ่งช่วยให้เข้าใจว่าระดับความเสี่ยงที่สูงขึ้นจะส่งผลต่อผลตอบแทนอย่างไรและกำหนดแนวทางการลงทุนที่เหมาะสม.